พรีวิวผลประกอบการ Pop Mart ครึ่งปีแรก FY25: กระแส Labubu จะขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวได้หรือไม่?

จากการคาดการณ์ผลประกอบการเมื่อเดือนกรกฎาคม บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิครึ่งปีแรกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 350% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้จะเพิ่มขึ้นกว่า 200% ซึ่งถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น โดยตลาดมีความคาดหวังสอดคล้องกับแนวโน้มของบริษัท ดังนี้:

• รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% YoY แตะประมาณ 13.76 พันล้านหยวน
• กำไรต่อหุ้นปรับปรุงแล้ว (Adjusted EPS) เพิ่มขึ้นกว่า 300% อยู่ที่ 3.178 หยวน
• กำไรสุทธิปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นมากกว่า 320% แตะประมาณ 4.3 พันล้านหยวน

ด้วยความคาดหวังที่สูงเช่นนี้ ราคาหุ้นจึงมีแรงส่งที่แข็งแกร่ง โดยหลังจากปรับฐานจากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ 293.4 ขณะนี้กำลังทดสอบแนวต้านบนของช่วงสะสมที่ระดับ 284 การเปิดเผยผลประกอบการครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการประเมินความสอดคล้องระหว่างความคาดหวังของตลาดกับผลลัพธ์จริง

เครื่องจักรทำกำไรที่ขับเคลื่อนด้วยกระแส

Pop Mart ได้เปลี่ยนจากแบรนด์ของสะสมเฉพาะกลุ่มในจีน สู่ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก ผ่าน IP อย่าง Labubu ที่เปลี่ยนพฤติกรรมและอัตลักษณ์ของผู้บริโภควัยรุ่น โดยหัวใจสำคัญคือโมเดลธุรกิจที่เน้น IP และมาร์จิ้นสูง พร้อมกลยุทธ์ขยายธุรกิจทั่วโลกที่สามารถทำซ้ำได้ ซึ่งทำให้บริษัทโดดเด่นในกลุ่มผู้บริโภค

ในไตรมาสแรกของปี 2025 รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 170% YoY ขณะที่รายได้จากต่างประเทศพุ่งขึ้นเกือบ 480% และยอดขายตุ๊กตาผ้านุ่มพุ่งทะลุ 1,200% สะท้อนถึงอิทธิพลของ Labubu และความสำเร็จเบื้องต้นของพอร์ต IP และการขยายตลาดต่างประเทศ โดยมีการเปิดร้านใหม่ในปารีส เมลเบิร์น และไทม์สแควร์ นิวยอร์ก รายได้จากต่างประเทศเริ่มเข้าใกล้รายได้ในประเทศ และอาจแซงหน้าในไม่ช้า

ณ สิ้นปี 2024 Pop Mart มีร้านค้าต่างประเทศ 130 แห่ง (รวมกิจการร่วมค้า) สร้างรายได้เกือบ 3.1 พันล้านหยวน โดยยอดขายเฉลี่ยต่อร้านสูงกว่าร้านในประเทศถึง 3 เท่า ในปี 2025 บริษัทมีแผนเปิดร้านเพิ่มอีก 100 แห่ง โดยประมาณ 30% ได้เปิดดำเนินการแล้ว ส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าผลประกอบการครึ่งปีแรกอาจสะท้อนการเติบโตเพิ่มเติมจากตลาดต่างประเทศ นักลงทุนจะจับตาความเร็วในการเปิดร้านใหม่ ประสิทธิภาพต่อหน่วย และความสามารถในการรักษาระดับราคาพรีเมียมเพื่อคงมาร์จิ้น

การประเมินมูลค่าและความเสี่ยง

แม้แนวโน้ม EPS ที่แข็งแกร่งจะช่วยลดอัตราส่วน P/E ของ Pop Mart แต่หุ้นยังซื้อขายที่ประมาณ 40 เท่าของกำไร ซึ่งอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีต หากต้องการรักษาระดับมูลค่านี้ กำไรต้องเติบโตเฉลี่ย 40–50% ต่อปีในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า ซึ่งต้องอาศัยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ความเสี่ยงหลักยังคงอยู่ที่การพึ่งพา IP โดย Labubu เป็นดาวเด่นในปัจจุบัน ขณะที่ IPs อื่น ๆ เช่น Molly, Skullpanda และ Crybaby ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ความสามารถในการรักษาความนิยมของ Labubu และการสร้าง IP ใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะเป็นตัวชี้วัดการเติบโตระยะยาว

หากผลประกอบการครึ่งปีแรกต่ำกว่าคาด หุ้นอาจเผชิญกับความผันผวนหรือการปรับฐานระยะสั้น ในทางกลับกัน หากรายได้จากต่างประเทศและการกระจาย IP แข็งแกร่งกว่าคาด อาจเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นอีกครั้ง

ขยายการพาณิชย์ IP เกินกว่า Blind Box

เพื่อกระจายรายได้จาก Blind Box แบบดั้งเดิม Pop Mart กำลังขยายการพาณิชย์ IP ผ่านการให้สิทธิ์ใช้งาน ผลิตภัณฑ์ต่อยอด และความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม โดยหลังจากร่วมมือกับ Coca-Cola, Lay’s และ L’Oréal คอลเลกชัน “Uniqlo x Labubu UT” จะเปิดตัวในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงวันที่ 22 สิงหาคมนี้

ดีลนี้ไม่เพียงขยายช่องทางการพาณิชย์ของ Labubu แต่ยังเพิ่มความชัดเจนและความยืดหยุ่นด้านรายได้ หากเปิดตัวได้แรง อาจช่วยยกระดับความคาดหวังด้านกำไรและมูลค่าหุ้น

Pop Mart ยังรุกด้านคอนเทนต์และประสบการณ์ออฟไลน์ ทั้งการเปิดตัวแอนิเมชัน “Labubu & Friends” ร้านเครื่องประดับธีม Labubu และผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง บริษัทกำลังขยายการใช้งาน IP เสริมสร้างความผูกพันกับแฟน ๆ และวางรากฐานสู่การเป็นแพลตฟอร์มบันเทิงระดับโลกในอนาคต

โฟกัสที่การขยายทั่วโลกและพอร์ต IP ที่แข็งแกร่ง

โดยสรุปแล้ว ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ Pop Mart มีความสำคัญต่อเทรดเดอร์และนักลงทุนใน 3 ประเด็นหลัก:

1. ยอดขายและบทบาทของ Labubu จะเกินความคาดหวังหรือไม่
2. สัดส่วนและความสามารถในการทำกำไรของรายได้จากต่างประเทศ
3. ศักยภาพของ IP ใหม่หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต

หลังการประกาศผล ตลาดจะจับตาช่องว่างระหว่างความคาดหวังและผลลัพธ์จริง ในระยะสั้น หุ้นอาจเข้าสู่ช่วงสะสมเพื่อปรับตัวตามผลประกอบการ ส่วนในระยะยาว Pop Mart กำลังเปลี่ยนจากแบรนด์ของสะสมเฉพาะกลุ่ม สู่แพลตฟอร์มบริโภควัฒนธรรมระดับโลกที่มี IP หลากหลาย และศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น

กลยุทธ์การเทรด-จับจังหวะจากผลประกอบการ: หากยอดขาย Labubu หรือรายได้จากต่างประเทศต่ำกว่าคาด นักลงทุนอาจพิจารณาโอกาสในการเข้าซื้อช่วงปรับฐาน หรือใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง แต่หากผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากตลาดต่างประเทศ กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อย่อตัว” อาจน่าสนใจ ขณะที่ความเสี่ยง เช่น การตรวจสอบจากหน่วยงานจีน ข้อถกเถียงเรื่อง Blind Box และความอิ่มตัวของ IP ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด