CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ 81.1% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่อาจจะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการย่อตัวเล็กน้อยก่อนกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น โดยทะลุระดับสูงสุดระหว่างวันของวันพุธที่ราคา $3,707 และเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ ความคาดหวังของตลาดต่อการลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำ ขณะที่การเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง แม้ว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนล่าสุดจะช่วยลดความกังวลด้านการค้าในระยะสั้น แต่ความขัดแย้งด้านงบประมาณของสหรัฐฯ และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ยังคงสร้างแรงกดดันด้านความเสี่ยงให้กับทองคำ
ในสัปดาห์นี้ ถ้อยแถลงทั้งหลายจากเจ้าหน้าที่ Fed รวมถึงการเปิดเผยข้อมูล Core PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ อาจสร้างความผันผวนระยะสั้นให้กับราคาทองคำ
บนกราฟรายวันของ XAUUSD ราคาทองคำทะลุระดับจิตวิทยาสำคัญที่ $3,700 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่ช่วงสะสมกำลังในระดับสูง โดยแรงซื้อช่วงต้นสัปดาห์ถูกกลบด้วยแรงขายระยะสั้นกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ราคาย่อตัวจากวันพุธถึงวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม การย่อตัวไม่ได้ลึกมาก โดยราคาทำจุดต่ำสุดใกล้ $3,630 ก่อนที่แรงซื้อจะกลับเข้ามาและดันราคากลับขึ้นเหนือ $3,700 อีกครั้ง
ในเชิงเทคนิค มีสองประเด็นสำคัญที่ควรจับตา: ประการแรก คือ การทะลุแนวต้านก่อนหน้านี้ราคาไม่สามารถยืนต่อได้ เนื่องจากข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการเก็งกำไรระยะสั้น (การทำกำไรและการป้องกันความเสี่ยงจาก options hedging) ประการที่สอง จากสภาพคล่องในตลาดและการคาดการณ์นโยบายในปัจจุบัน การย่อตัวมักถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ มากกว่าการกลับตัวของแนวโน้ม เช่น การที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะเลือกทำการ “ซื้อเมื่อย่อตัว” มากกกว่าเดิม
ปัจจุบัน ระดับ $3,700 ถือเป็นแนวรับสำคัญระยะสั้น หากราคาปิดเหนือระดับนี้อย่างมั่นคง จะเปิดทางให้ราคาขึ้นต่อไปยัง $3,750 ในทางกลับกัน หากแรงขายกลับมาเพิ่มขึ้น ระดับต่ำสุดของช่วงสะสมตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนบริเวณ $3,630 จะกลายเป็นแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา
แรงหนุนฝั่งขาขึ้นของทองคำยังคงมาจากการคาดการณ์นโยบายการเงินของเฟดเป็นหลัก โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า ตลาดให้ความเป็นไปได้ถึง 90% สำหรับการลดดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนตุลาคม และเกือบ 80% สำหรับการลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งสอดคล้องกับ Dot Plot ล่าสุดของเฟดที่ส่งสัญญาณการผ่อนคลายเพิ่มเติมอีกประมาณ 50bp ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่งผลดีต่อสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนอย่างทองคำ
ขณะเดียวกัน จุดยืนที่ผ่อนคลายอย่างมากของผู้ว่าการเฟดคนใหม่ Miran รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนด้านความน่าเชื่อถือของนโยบาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้กับทองคำ
อย่างไรก็ตาม แรงซื้อทองคำไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของเฟดเพียงอย่างเดียว ความต้องการจริงและการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางยังคงเป็นแรงสนับสนุนระยะยาวที่แข็งแกร่ง ตัวอย่างเช่น ธนาคารกลางจีนรายงานการเข้าซื้อเพียง 20.8 ตันในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2025 ขณะที่ข้อมูลศุลกากรของสหราชอาณาจักรแสดงการนำเข้าประมาณ 137 ตันในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงช่องว่างระหว่างสถิติทางการและการไหลของทองคำจริง ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่แข็งแกร่งผ่านลอนดอนและช่องทางอื่น ๆ โดยไม่มีข้อจำกัดจากโควตา
ในเวลาเดียวกัน ราคาทองคำในอินเดียพรีเมียมเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน สะท้อนถึงความต้องการจากภาคการค้าปลีกและฤดูกาลที่แข็งแกร่ง
ในด้านการลงทุน SPDR Gold ETF เพิ่มการถือครองประมาณ 18.9 ตันในวันเดียวเมื่อวันที่ 19 กันยายน ส่งผลให้ยอดถือครองรวมแตะ 994.56 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ สะท้อนถึงความต้องการเงินทุนโดยตรงและความเชื่อมั่นของตลาดต่อสถานะทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงผสมผสานกัน ด้านหนึ่ง การพูดคุยระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วช่วยลดแรงซื้อที่เกี่ยวข้องกับความกังวลด้านการค้าในระยะสั้น แต่อีกด้านหนึ่ง การที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ปฏิเสธร่างงบประมาณระยะสั้น ความเสี่ยงจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล และความตึงเครียดในยูเครน กาซา ยุโรปตะวันออก และแคริบเบียน ยังคงสร้างแรงกดดันด้านความไม่แน่นอนให้กับทองคำ
โดยรวมแล้ว การคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำ ขณะที่การเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลกช่วยสร้างฐานรองรับระยะยาวที่แข็งแกร่ง ทั้งสองปัจจัยนี้ช่วยเสริมความได้เปรียบฝั่งขาขึ้นในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน
ในระยะสั้น แม้ว่าทองคำอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหรือการแข็งค่าชั่วคราวของดอลลาร์ แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นขาขึ้น กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อย่อตัว” ยังคงเป็นแนวทางหลัก โดยนักเทรดควรพิจารณาการไหลของเงินทุนระยะยาวและความต้องการจริงเป็นแรงหนุนพื้นฐาน พร้อมติดตามความผันผวนระยะสั้นเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ
ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่เฟดจำนวน 18 รายมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ โดยประธานเฟด Powell จะปรากฏตัวในวันอังคารที่ 23 กันยายน ซึ่งตลาดคาดหวังสัญญาณนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น ผู้ว่าการคนใหม่ Miran อาจย้ำจุดยืนที่ผ่อนคลายอย่างมาก โดยเน้น “การลดดอกเบี้ย 150bp ในปีนี้โดยไม่มีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ซึ่งอาจสะท้อนถึงความทะเยอทะยานในการขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเฟดในอนาคต หากมีสัญญาณผ่อนคลายเพิ่มเติม อาจเป็นแรงหนุนให้กับฝั่งขาขึ้นของทองคำ
วันศุกร์ที่ 26 กันยายน จะมีการเปิดเผยข้อมูล Core PCE Inflation โดยตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM และ 2.7% YoY ซึ่งสูงกว่าตัวเลขก่อนหน้าเล็กน้อย
ด้วยโฟกัสของนโยบายที่เน้นไปที่การจ้างงาน ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอมีแนวโน้มส่งผลต่อการคาดการณ์ลดดอกเบี้ยมากกว่าความผันผวนเล็กน้อยของเงินเฟ้อ ดังนั้น หากไม่มีการเซอร์ไพรส์จากตัวเลขเงินเฟ้อ การตัดสินใจของเฟดอาจไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และราคาทองคำอาจเห็นความผันผวนระยะสั้นเท่านั้น
เนื้อหาที่ให้ไว้ในที่นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นการสื่อสารทางการตลาด แม้ว่าจะไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน แต่เราจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของเรา