CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ 81.1% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่อาจจะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงซื้อของฝั่งกระทิง โดยราคาทะลุระดับ $3,800 ได้สำเร็จในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดเป็นแรงหนุนสำคัญต่อสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนอย่างทองคำ ขณะที่นโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจชัตดาวน์ ยังคงกระตุ้นแรงซื้อเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ การเข้ามาของนักเก็งกำไรระยะสั้น และกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองให้ปรับตัวขึ้นอย่างมั่นคง
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาความคืบหน้าทางนโยบายการคลังของสหรัฐฯ และข้อมูลการจ้างงาน โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ซึ่งอาจเป็นตัวชี้นำทิศทางถัดไปของราคาทองคำ
จากกราฟรายวันของ XAUUSD พฤติกรรม “ซื้อเมื่อย่อตัว” ยังคงชัดเจน แม้ราคาจะมีการย่อตัวเล็กน้อยกลางสัปดาห์ แต่ฝั่งกระทิงก็กลับเข้าซื้อทันทีบริเวณ $3,700 ส่งผลให้ราคาปิดสัปดาห์บวกกว่า 2% และยังคงแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันจันทร์ ราคาทะลุ $3,800 ระหว่างวัน แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งของทองคำยังส่งผลให้ราคาของโลหะมีค่าอื่น ๆ เช่น เงิน แพลทินัม ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี สร้างความตื่นตัวทั้งในกลุ่มนักลงทุนสถาบันและรายย่อย อย่างไรก็ตาม RSI รายวันของทองคำยังอยู่เหนือระดับ 70 ซึ่งบ่งชี้ภาวะซื้อมากเกินไป และอาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น
ระดับราคาที่ต้องจับตาคือการปิดเหนือ $3,800 หากสามารถยืนได้ จะเปิดทางสู่เป้าหมาย $3,900 และอาจแตะ $4,000 ตามการคาดการณ์ของบางสถาบัน แต่หากราคาหลุด $3,800 แนวรับแรกอยู่ที่ $3,700 และแนวรับถัดไปที่ $3,630
การทะลุ $3,800 ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมา “พอดี” กับทองคำ ดัชนี Core PCE เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี และ 0.2% รายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ ไม่สูงพอจะกระตุ้นให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง และไม่ต่ำจนลดความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์มาก ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มเฟดผ่อนคลายทางการเงิน โดยตลาดประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมที่ 88% และอีกครั้งในเดือนธันวาคมที่ 65% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย
นอกเหนือจากความคาดหวังด้านนโยบายการเงินแล้ว ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของราคาทองคำ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ในช่วงต้นปีงบประมาณใหม่ วันที่ 1 ตุลาคม นักลงทุนจึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลกระทบทันทีจากการชัตดาวน์คือการล่าช้าในการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ และดัชนี CPI วันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งอาจถูกเลื่อนออกไป
การขาดข้อมูลอ้างอิงสำคัญจะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะไม่แน่นอน ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขาย หากข้อมูล NFP ถูกเลื่อนออกไป เฟดจะขาดข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ภาคธุรกิจที่พึ่งพางบประมาณรัฐบาล เช่น ผู้รับเหมาด้านกลาโหม สถาบันวิจัย และบริการสาธารณสุขบางส่วน อาจเผชิญปัญหาสภาพคล่อง หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อ ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการลงทุนภาคเอกชนจะยิ่งรุนแรง แม้ประวัติศาสตร์ชี้ว่าตลาดมักฟื้นตัวเร็วหลังชัตดาวน์ แต่ในระยะสั้น ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุน
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ก็มีน้ำหนักเช่นกัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์สั่งส่งทหารเข้าพอร์ตแลนด์ ขณะที่ความตึงเครียดในเมืองใหญ่อื่น ๆ จากนโยบายคนเข้าเมืองก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งขึ้นอีกครั้ง และดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น ผลกระทบระยะยาวจะขึ้นอยู่กับว่าความตึงเครียดจะลุกลามหรือไม่ หากเหตุการณ์ยังจำกัดอยู่ในพื้นที่ และไม่กระทบห่วงโซ่อุปทานหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดอาจมองเป็นเพียง “เสียงรบกวนทางการเมือง” แต่หากลุกลามจนกระทบต่อระบบโลจิสติกส์ อาจเกิดความเสี่ยงเชิงระบบ ซึ่งจะหนุนราคาทองคำต่อเนื่อง
นอกจากปัจจัยด้านนโยบายและภูมิรัฐศาสตร์แล้ว กระแสเงินทุนก็เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเช่นกัน ในเดือนกันยายน กองทุน ETF ทองคำมีเงินไหลเข้าสุทธิ $11 พันล้าน หรือประมาณ 89 ตัน ดันยอดถือครองสะสมสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022
ขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เผชิญแนวต้านที่ 98.7 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 5 ปี (real yield) อยู่ที่ระดับต่ำ 1.32% ทั้งสองปัจจัยนี้ช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นต่อ เมื่อรวมทุกปัจจัยแล้ว โมเมนตัมขาขึ้นของทองคำยังคงแข็งแกร่ง
โดยรวมแล้ว ฝั่งกระทิงยังคงควบคุมตลาด ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย และแรงซื้อเพื่อความปลอดภัยยังเป็นพื้นฐานสำคัญ ขณะที่กระแสเงินทุนเป็นแรงผลักดันหลัก เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ทรัมป์เปลี่ยนนโยบายคนเข้าเมือง หรือเฟดเปลี่ยนท่าทีเรื่องดอกเบี้ย ทิศทางราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น และการย่อตัวน่าจะจำกัด
ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาข้อมูลตลาดแรงงาน โดยเฉพาะรายงาน NFP วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม โดยตัวชี้นำล่วงหน้า เช่น JOLTs, ADP และ ISM Services PMI จะให้สัญญาณเบื้องต้น
หาก Bureau of Labor Statistics เผยแพร่ข้อมูลตามกำหนด ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานใหม่ 39,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 22,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 4.3%
หากตัวเลขต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะต่ำกว่า 50,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานไม่เปลี่ยนแปลง จะยิ่งหนุนแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และเป็นบวกต่อราคาทองคำ แม้ตัวเลขจะออกมาดีขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนมุมมองตลาดมากนัก ดังนั้นแรงกดดันต่อทองคำในระยะสั้นยังคงจำกัด
เนื้อหาที่ให้ไว้ในที่นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นการสื่อสารทางการตลาด แม้ว่าจะไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน แต่เราจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของเรา