CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ 80% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่อาจจะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่
.jpg)
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ โดยการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ได้กลับมายืนเหนือระดับ $4,000 ได้อีกครั้ง โดยมีแรงสนับสนุนหลัก 3 ปัจจัย ได้แก่:
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันการปรับขึ้นของราคาทองคำ
ด้วยความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการ นักลงทุนควรจับตาความคืบหน้าในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งสำคัญให้ราคาทองเคลื่อนไหวอย่างมีทิศทาง
จากกราฟรายวันของ XAUUSD ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง $3,930 ถึง $4,030 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ฝั่งซื้อจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่โดยรวมยังอยู่ในช่วงสะสมตัวแบบสมดุล โดยมีแนวโน้มขึ้นจำกัด และแนวโน้มลงยังมีแรงรับ

ขณะนี้ราคากำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $4,050 หากสามารถปิดเหนือระดับนี้ได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ $4,100 ซึ่งอาจเปิดทางให้ราคาขึ้นต่อได้ แต่หากราคาปิดต่ำกว่า $4,000 แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $3,880–$3,900 ซึ่งใกล้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน
หนึ่งในปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองคือแรงซื้อจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย โดยความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่ม AI ปรับฐานแรง โดย Nasdaq บันทึกการปรับลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 7 เดือน
ขณะเดียวกัน การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืดเยื้อมาถึงวันที่ 40 ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ โดยความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญถูกเลื่อนออกไป ทำให้ตลาดต้องพึ่งพาข้อมูลจากภาคเอกชนในการประเมินภาวะเศรษฐกิจ
สัญญาณของตลาดแรงงานที่เย็นลงเริ่มชัดเจน ข้อมูลจาก Challenger ระบุว่า การปลดพนักงานในเดือนตุลาคมสูงถึง 153,000 คน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มเทคโนโลยีและคลังสินค้า จากการลดต้นทุนและการนำ AI มาใช้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนพฤศจิกายนลดลงเหลือ 50.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนตุลาคมอยู่ที่ 48.7 ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นที่ลดลง และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก็ช่วยหนุนราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน และมีราคาตั้งอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้ทองคำเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ถือเงินยูโรและเยน
การเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางยังเป็นแรงหนุนเชิงโครงสร้าง โดยธนาคารกลางจีนเพิ่มการถือครองทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ขณะที่ธนาคารกลางในโปแลนด์ ตุรกี และตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ก็เพิ่มการถือครองเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้ม “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” และช่วยเสริมแรงซื้อจากฝั่งปลอดภัย
แม้มีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน แต่ราคาทองยังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบายเฟด โดยตลาดยังประเมินท่าทีของเฟดใหม่อย่างต่อเนื่อง
แม้ข้อมูลล่าสุดสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่เจ้าหน้าที่เฟดยังมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย โดย Powell ย้ำว่า “ยังไม่มีข้อสรุป” สำหรับการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และนโยบายจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อย่างรองประธาน Jefferson และประธานเฟดนิวยอร์ก Williams ยังเน้นว่าเงินเฟ้อยังเหนียวแน่น ซึ่งสะท้อนท่าทีแบบเข้มงวด แต่สัญญาณจากตลาดแรงงานและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ก็เปิดช่องให้มีการโต้แย้งในเชิงผ่อนคลาย
ปัจจุบันตลาดให้น้ำหนักความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคมไว้ต่ำกว่า 70% ความผันผวนของคาดการณ์นี้ยังคงจำกัดแนวโน้มของราคาทองในระยะสั้น ซึ่งอาจยังเคลื่อนไหวในกรอบต่อไป จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน
โดยรวมแล้ว ราคาทองยังคงเคลื่อนไหวในกรอบกว้างในสัปดาห์ที่ผ่านมา การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ หนุนแรงซื้อจากฝั่งปลอดภัย ขณะที่ข้อมูลจากภาคเอกชนสะท้อนถึงตลาดแรงงานที่เย็นลง และการปรับฐานของหุ้นกลุ่ม AI ก็ลดความต้องการความเสี่ยงลง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนฝั่งซื้อทองคำ
อย่างไรก็ตาม การขาดข้อมูลเศรษฐกิจจากภาครัฐยังคงจำกัดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ราคาทองยังมีแนวโน้มจำกัดในระยะสั้น
สัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาความคืบหน้าในการเปิดรัฐบาลสหรัฐฯ โดยรายงานจาก AXIOS ระบุว่า สมาชิกวุฒิสภาฝ่ายเดโมแครตหลายคนพร้อมผลักดันแพ็กเกจเปิดรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญหลังจากการเจรจายืดเยื้อมานานกว่า 1 เดือน
การปิดรัฐบาลทำให้ยอดเงินคงเหลือของกระทรวงการคลังสะสมสูงถึงประมาณ $700 พันล้าน ซึ่งเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ และกดดันความต้องการความเสี่ยง หากรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ เงินจำนวนนี้จะกลับเข้าสู่ระบบ ซึ่งอาจช่วยหนุนตลาดหุ้น และเป็นผลดีต่อราคาทองคำด้วยเช่นกัน
เนื้อหาที่ให้ไว้ในที่นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นการสื่อสารทางการตลาด แม้ว่าจะไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน แต่เราจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของเรา