ตั้งแต่การกลับตัวรูปแบบ V เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตลาดกระทิงก็ได้กลับมาครองตลาด โดยได้แรงหนุนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการลดแนวโน้มเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody’s การผ่านร่างกฎหมายภาษีของทรัมป์ในสภาผู้แทนฯ และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีน อย่างไรก็ตาม ศักยภาพขาขึ้นของทองคำยังถูกจำกัดจากท่าทีระมัดระวังของ Fed ในการลดดอกเบี้ย และความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลง
บนกราฟรายวันของ XAUUSD สัปดาห์ที่แล้วราคาทองปรับฐานแรงในช่วงต้น ก่อนฟื้นตัวแรงจนกลับมายืนเหนือ $3,200 ณ ช่วงปิดสัปดาห์ บ่งชี้ถึงแรงซื้อเมื่อราคาย่อตัว โมเมนตัมยังคงต่อเนื่องมาจนถึงสัปดาห์นี้ โดยราคากลับมายืนเหนือ $3,300 และทะลุเส้น EMA 8 วัน กระทิงกำลังทดสอบแนวต้าน Fibonacci 61.8% ของการปรับฐานจากวันที่ 7 พฤษภาคม ที่บริเวณ $3,317
หากราคาทะลุระดับนี้อย่างชัดเจน อาจเปิดทางไปสู่เป้าหมาย $3,400 หรือแม้กระทั่งการทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $3,450 ขณะที่แนวรับเบื้องต้นอยู่ที่เส้นแนวโน้มวันที่ 15 พฤษภาคม และแนวต้านเดิมบริเวณ $3,168
การฟื้นตัวรอบแรกเริ่มจากคำเตือนของ Moody’s ว่าการต่ออายุมาตรการลดภาษีปี 2017 (Tax Cuts and Jobs Act) อาจเพิ่มการขาดดุลเชิงโครงสร้างของสหรัฐฯ อีก $4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในทศวรรษหน้าไม่รวมดอกเบี้ยและภายในปี 2035 การขาดดุลอาจสูงถึง 9% ของ GDP สร้างความกังวลใหม่เกี่ยวกับสุขภาพการคลังของสหรัฐฯ ในระยะยาว
ถัดมาในช่วงเช้าของวันที่ 22 พฤษภาคม ร่างกฎหมายภาษีของทรัมป์ผ่านสภาผู้แทนฯ เพิ่มความซับซ้อนให้กับภาพรวมการคลังอีกขั้น เมื่ออัตราภาษีกำลังถูกปรับลดลง ช่องว่างงบประมาณจะยิ่งปิดได้ยาก ตลาดพันธบัตรตอบสนองทันที: ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (yield curve) ขยายกว้างขึ้น โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี พุ่งแตะ 5.15% และส่วนชดเชยความเสี่ยง (term premium) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยทั่วไปอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นเป็นลบต่อทองคำซึ่งไม่มีดอกผล แต่ในกรณีนี้ การพุ่งขึ้นของยีลด์สะท้อนความกังวลต่อวินัยการคลังของสหรัฐฯ มากกว่าความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจึงกลับส่งผลบวกต่อทองในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากรัฐบาล
ในระยะกลางถึงยาวแม้โอกาสผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ยังต่ำ แต่ความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ในการลดมูลค่าหนี้ อาจผลักดันให้ธนาคารกลางต่างๆ กระจายการถือครองทุนสำรอง ซึ่งทองคำจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มนั้น
ในขณะเดียวกันความต้องการทองคำจริงจากจีนยังคงหนุนราคาด้านล่าง เดือนเมษายน การนำเข้าทองของจีนเพิ่มขึ้น 73% จากเดือนก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เพิ่มโควตานำเข้าทองให้ธนาคารพาณิชย์เพื่อตอบสนองอุปสงค์จากนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย ในช่วงที่ ETF ทั่วโลกขายทองต่อเนื่อง การซื้อจากจีนถือเป็นแรงหนุนหลักของกระทิงทอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยบวกมากมาย ราคาทองยังไม่สามารถทะลุแนวต้าน $3,317 ได้อย่างมั่นคง ด้านหนึ่งข้อมูลเชิงสำรวจ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนยังซบเซา แต่อีกด้านหนึ่งข้อมูลเศรษฐกิจจริง (hard data) เช่น CPI และยอดค้าปลีกเดือนเมษายนยังแข็งแกร่ง ทำให้เฟดไม่มีแรงจูงใจรีบลดดอกเบี้ย ในขณะเดียวกัน ความคืบหน้าทางการทูต เช่น การเจรจาสหรัฐฯ-อิหร่าน และรัสเซีย-ยูเครน ก็ลดแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยลง
โดยรวม ทองคำฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดและฝั่งซื้อกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมอีกครั้ง ปัจจัยสนับสนุนจากการลดเครดิต ความคืบหน้าของร่างภาษี และการเข้าซื้อจากจีนช่วยผลักดันราคา อย่างไรก็ตามท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งและบรรยากาศภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีขึ้น ราคาทองอาจขาดปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจนต่อไปจึงมีแนวโน้มจะเข้าสู่ช่วงพักฐานในระยะสั้น
ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาข้อมูล Core PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ หากเงินเฟ้อออกมา "ดื้อ" ต่อการลดลง ก็อาจยืนยันท่าทีรอดูของ Fed ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทอง นอกจากนี้ยังต้องจับตาการอภิปรายร่างภาษีในวุฒิสภา การประมูลพันธบัตรระยะยาว และทิศทางของอัตราผลตอบแทนในฐานะตัวชี้ความเสี่ยงทางการคลัง
ส่วนประเด็นสงครามการค้า ทรัมป์ระบุว่าจะสรุปอัตราภาษีกับคู่ค้าหลักภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยมีแรงกดดันมากขึ้นต่อ EU และญี่ปุ่น แต่ทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับวอชิงตัน จึงอาจยังไม่กระทบตลาดในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หากร่างภาษีผ่านวุฒิสภา และการพักเก็บภาษี 90 วันใกล้สิ้นสุด แรงกดดันทางการคลังอาจเพิ่มความซับซ้อนในการเจรจาเฟส 2 และอาจสร้างความผันผวนให้ตลาด และกระตุ้นให้กลับมาซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง
ขณะที่ตลาดทองกำลังร้อนแรง พร้อมเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่าพลาดจังหวะนี้ในการเทรด CFD ทองคำไปกับ Pepperstone — พร้อมสเปรดที่ลดลงแล้วสูงสุดถึง 30% เพื่อไม่ให้คุณพลาดทุกโอกาสที่สำคัญในตลาด
เนื้อหาที่ให้ไว้ในที่นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน และด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นการสื่อสารทางการตลาด แม้ว่าจะไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน แต่เราจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของเรา