10 คำศัพท์ด้านการซื้อขายที่คุณต้องรู้
หากคุณเพิ่งเริ่มซื้อขายและอ่านข้อมูลทุกอย่างในตลาด คุณมีแนวโน้มที่จะพบกับศัพท์เฉพาะกลุ่มและศัพท์เฉพาะทาง
อย่าเพิ่งท้อกับภาษาที่ใช้ในวงการซื้อขาย เช่นเดียวกับในอุตสาหกรรมทุกประเภท การซื้อขายมีความยากง่ายเฉพาะตัวแต่เมื่อคุณใช้เวลาที่จะเรียนรู้ความหมายของคำศัพท์แต่ละคำ เส้นทางของคุณจะเป็นไปได้สวยกับการสร้างชุดทักษะการซื้อขายและความเชื่อมั่น
เพื่อช่วยคุณเริ่มซื้อขาย เราได้รวบรวมคำศัพท์การซื้อขายที่มีประโยชน์ที่สุด 10 คำ ที่เราเชื่อว่าลูกค้าใหม่ทุกคนควรรู้:
เลเวอเรจ (Leverage) คือรากฐานของประสบการณ์การซื้อขายของคุณกับเรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยืมเงินเพื่อการซื้อขาย ด้วยการกำหนดส่วนเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยจากตลาดโดยรวมเป็นมาร์จิ้น การดำเนินการนี้จะช่วยเปิดโลกแห่งโอกาสในการคาดคะเนหรือแม้แต่ปกป้องพอร์ตการลงทุน
หากมาร์จิ้นเริ่มต้นที่ต้องการหรือการฝากเงินตามมูลค่าตลาดแบบเต็มของตำแหน่งยิ่งต่ำ เลเวอเรจจะยิ่งสูง และในทางกลับกัน เลเวอเรจแตกต่างกันไปตามตราสารที่คุณซื้อขายและเขตอำนาจที่คุณอยู่ เรามอบข้อเสนอแก่ลูกค้า ASIC รายย่อยและลูกค้ามืออาชีพของเราทุกคนด้วยเลเวอเรจภายที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจ FCA สูงสุดถึง 30:1 สำหรับตลาด Forex ลูกค้ารายย่อยของเราในเขตอำนาจ FCA สามารถซื้อขาย Forex ได้ด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 30:1
เลเวอเรจ 30:1 หมายความว่า ในทุก 1 ดอลลาร์ที่คุณมีอยู่ในบัญชีซื้อขาย คุณสามารถเข้าซื้อขายได้ถึงประมาณ 30 ดอลลาร์ในตลาด Forex นี่ไม่ได้หมายความว่า หากคุณมียอดเงินสด 1,000 ดอลลาร์ คุณจำเป็นจะต้องเข้าซื้อขาย 30,000 ดอลลาร์ (เลเวอเรจสูงสุดที่เป็นไปได้) ลองคิดว่าการซื้อขายด้วยเลเวอเรจเป็นการขับรถ: คุณไม่จำเป็นต้องขับรถด้วยความเร็วสูงสุดตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนที่อันตราย
นี่คือจุดที่การปรับขนาดตำแหน่งมีความสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว ขนาดของเลเวอเรจที่ผู้ซื้อขายของเราใช้นั้นมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเข้าใจถึงการปรับขนาดตำแหน่งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ เลเวอเรจที่สูงขึ้นทำให้สามารถเข้าซื้อขายในตลาดได้เพิ่มขึ้น ซึ่งดึงดูดผู้ที่มีประสบการณ์และทักษะที่สามารถใช้ประโยชน์จากปัจจัยนี้เพื่อขยายช่วงการแกว่งของกำไรหรือขาดทุน (P&L) ให้กว้างขึ้น หรืออาจเป็นผลเสียต่อพอร์ตการลงทุนของผู้ซื้อขายมือใหม่ที่ไม่มีการปรับใช้แผนการจัดการความเสี่ยง อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจัดการความเสี่ยงและการคำนวณขนาดตำแหน่งของคุณ
มาร์จิ้นหรือที่รู้จักกันในชื่อเงินฝากคือจำนวนเงินทุนในบัญชีของคุณที่จำเป็นต้องมีเพื่อเปิดตำแหน่ง มาร์จิ้นเป็นฟังก์ชันของปริมาณการเข้าซื้อขายที่ต้องการโดยประมาณในตลาดบางแห่งและอัตราเลเวอเรจ
ตัวอย่างเช่น คุณต้องการซื้อ 0.1 ล็อต (10,000 หน่วยของสกุลเงินฐานหรือสกุลเงินตัวแรก) ของ EURUSD ที่ราคาเสนอปัจจุบัน 1.13500 และด้วยอัตราส่วนเลเวอเรจ 30: 1
หากสกุลเงินพื้นฐานของบัญชีอยู่ในสกุลเงินยูโร เราสามารถคำนวณมาร์จิ้นเริ่มต้นได้เป็น (1.13500 * 10,000) / 30 = $378.33
ในตัวอย่างนี้ $378.33 คือจำนวนมาร์จิ้นที่จำเป็นในการเปิดตำแหน่ง 0.1 ล็อต สำหรับคู่เงิน EURUSD
เมื่อได้ตำแหน่งและกำหนดมาร์จิ้นเริ่มต้นเป็น $378.33 แล้ว คุณจะกำลังเพิ่มพูนกำไรหรือขาดทุนแบบเรียลไทม์
หากเงินทุนของคุณซึ่งในกรณีนี้คือยอดเงินคงเหลือในบัญชีที่ถูกปรับตามกำไรหรือขาดทุนรวมนั้นต่ำกว่าระดับที่กำหนด คุณอาจถูกเรียกให้เพิ่มมาร์จิ้น
- หากคุณถูกเรียกให้เพิ่มมาร์จิ้น คุณจำเป็นต้องฝากเงินทุนเข้าบัญชีของคุณเพิ่มเติมเพื่อรองรับตำแหน่งที่เปิดปัจจุบันของคุณ
- หากไม่ได้ฝากเงินเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนด ตำแหน่งที่เปิดของคุณอาจถูกปิดโดยอัตโนมัติ
Secure Client Area ช่วยให้คุณสามารถควบคุมดูแลบัญชีซื้อขายของคุณได้อย่างดีเยี่ยม นี่เป็นพื้นที่ที่คุณสามารถจัดการกับบัญชีของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินเมื่อคุณต้องการเปิดตำแหน่ง การโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง หรือการถอนเงินของคุณเมื่อพร้อม
Stop-Loss เป็นเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการปรับขนาดตำแหน่งที่ถูกต้องกับขนาดของบัญชีและปรับให้เหมาะกับความผันผวนของตลาด ช่วยให้คุณเข้าใจถึงระดับความเสี่ยงที่อาจต้องรับในการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่า stop-loss เป็นคำสั่งทางตลาดและเป็นจุดเปลี่ยน หากราคาซื้อขายผ่านระดับ stop-loss ที่ระบุ คำสั่งจะถูกเปิดใช้งานเพื่อปิดตำแหน่งที่ราคาตลาด ณ เวลานั้น หากตลาดมีการซื้อขายในระดับที่แตกต่างจากระดับ stop-loss ณ เวลาที่มีการดำเนินการซื้อขายพอดี การหยุดอาจจะเข้าที่ราคาที่ดีกว่าหรือแย่กว่าก็ได้ เหตุการณ์นี้เรียกว่า slippage
ระดับของ slippage ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงความผันผวนในตลาดและสภาพคล่อง โดยธรรมชาติแล้ว slippage ควรเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่ตลาดปิดทำการ เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในบางครั้งเมื่อมีข่าวสำคัญ และเราเห็นว่าตลาดเปิดใหม่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างมาก เหตุการณ์นี้เรียกว่า gapping
สเปรดคือต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย แสดงความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ (เสนอซื้อ) และราคาขาย (เสนอขาย) แม้ว่าการจัดการความเสี่ยงและการปรับขนาดตำแหน่งที่ถูกต้องนั้นจะเป็นข้อพิจารณาหลักสำหรับผู้ซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ แต่วัตถุประสงค์หลักของการซื้อขายตั้งแต่แรกเริ่มก็คือ การเพิ่มขึ้นของเงินทุนในบัญชีของคุณ วัตถุประสงค์ของคุณควรให้ราคาเสนอซื้อขยับสูงกว่าตำแหน่งที่คุณซื้อ (เพื่อเปิด) ตำแหน่งเดิม หรือในกรณีของการเปิด Short Position ราคาเสนอขายควรขยับต่ำกว่าจุดที่คุณขายไปเดิม (เพื่อเปิด) นี่คือแนวคิดในการจัดการปัจจัยสเปรด เราเสนอสเปรดที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม FX และ CFD คุณสามารถเข้าถึงสเปรดที่ต่ำที่สุดได้ในบัญชี Razor ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีของคุณ
นี่คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่จะกำหนดกำไรและขาดทุนของคุณ จำนวนตำแหน่งทศนิยมที่คุณเห็นสำหรับตราสาร (เช่น EURUSD) บน Metatrader 4, 5 หรือ cTrader จะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหวในหน่วย pip
- สำหรับคู่สกุลเงินที่มีทศนิยม 5 ตำแหน่ง หนึ่ง pip เท่ากับ 0.00010
- สำหรับคู่สกุลเงินที่มีทศนิยม 3 ตำแหน่ง หนึ่ง pip เท่ากับ 0.010
- สำหรับคู่สกุลเงินที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง หนึ่ง pip เท่ากับ 0.10
เคล็ดลับสำหรับผู้ซื้อขาย:pip จะเป็นตัวเลขหลักรองสุดท้ายเสมอ ส่วน point จะเป็นตัวเลขหลักสุดท้ายเสมอ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อ (Long) 0.1 ล็อตสำหรับคู่เงิน EURUSD ที่ 1.13500 ขยับไปที่ 1.13510 ค่าเงินขยับสูงขึ้น .00010 USD คุณจะได้ 1 pip หรือจะเท่ากับ 10 point
ผู้ซื้อขายจะจ่ายค่าสเปรดเมื่อเปิดและปิดการซื้อขาย ซึ่งเป็นต้นทุนในการซื้อขายหรือค่าคอมมิชชันที่ต้องจ่าย สิ่งสำคัญอีกประการที่ควรพิจารณาเมื่อถือตำแหน่งการซื้อขายก็คือ การปรับดอกเบี้ยของบัญชีที่จุดโรลโอเวอร์ในแต่ละวัน เวลา 17:00 น. EST (เวลานิวยอร์ก) หรือ 00:00 น. เวลาเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเหมือนกับตลาด Spot FX อ้างอิงและเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ เนื่องจากผู้ซื้อขายหลายรายมักจะปิดตำแหน่งก่อนเวลานี้
เนื่องจากการซื้อขายสกุลเงินจะทำเป็นคู่ๆ ผู้ซื้อขายจะทำการคาดคะเนว่า สกุลเงินหนึ่งจะมีค่าขึ้นหรือลงเทียบกับสกุลเงินอื่น ดังนั้นผลกำไรส่วนต่างหรือขาดทุนจึงเป็นข้อพิจารณาเบื้องต้น นอกจากนี้แล้วยังควรพิจารณาถึงการปรับดอกเบี้ย ซึ่งพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยสองตัวที่สัมพันธ์กัน
- หากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ผู้ซื้อขายซื้อไว้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ผู้ซื้อขายขายไป ผู้ซื้อขายจะได้รับดอกเบี้ย นี่เรียกว่า positive roll หรือ carry
- หากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ผู้ซื้อขายซื้อไว้ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ผู้ซื้อขายขายไป ผู้ซื้อขายจะต้องจ่ายดอกเบี้ยแบบโรลโอเวอร์ที่เรียกว่า negative roll
ส่วนต่างอัตราสวอปเป็นฟังก์ชันของระยะเวลาการถือตำแหน่งการซื้อขายและการปรับขนาดตำแหน่ง และจะกลายเป็นต้นทุนหรือกำไรเพิ่มเติมสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งเมื่อเวลาผ่านไปได้ ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสวอป
สองคำนี้เป็นคำทั่วไปที่ผู้ซื้อขายมักใช้ในทุกฟอรัมและทุกระดับความสามารถการซื้อขาย คำสองคำนี้แสดงทิศทางที่คาดว่าตราสารหรือตลาดจะมีแนวโน้มอย่างไรในกรอบเวลาที่กำหนด
- Long เหมือนกับการซื้อ หรือการเก็งว่าราคาจะขึ้น
- Short มีความหมายเหมือนกับการขายเพื่อเปิดการซื้อขายและคาดว่าราคาจะลดลง
เราเสนอบัญชีทดลองให้แก่ลูกค้าของเราทุกคน ซึ่งจะจำลองสภาพแวดล้อมการซื้อขายจริง และให้เงินทุนสมมติเริ่มต้นเพื่อให้ผู้ซื้อขายลองทำการซื้อขาย แพลตฟอร์มทดลองนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายเข้าใจการทำงานของแพลตฟอร์ม สภาพแวดล้อมของตลาด ตลอดจนการสร้างกราฟและการดำเนินการซื้อขายทั้งหมดในขณะที่ทำการซื้อขายด้วยเงินเสมือน
การซื้อขายด้วยบัญชีทดลองเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความมั่นใจในการจัดการความเสี่ยง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขนาดตำแหน่งการซื้อขายที่ถูกต้อง และทำความคุ้นเคยกับลักษณะเฉพาะของตลาด เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการฝึกกลยุทธ์ทางการซื้อขายของคุณก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การซื้อขายด้วยบัญชีจริง เปิดบัญชีทดลองวันนี้แล้วเริ่มซื้อขายด้วยเงินทุนเสมือน
การวิเคราะห์สองวิธีนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนการซื้อขายและวิธีการที่เราใช้เพื่อกำหนดขอบเขตการซื้อขายและพัฒนาความคาดหมายที่เป็นบวก
ผู้ซื้อขายหลายคนจะซื้อขายโดยใช้สองวิธีนี้แยกกัน แต่การปรับใช้สองวิธีนี้ร่วมกันช่วยให้การซื้อขายมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
- การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการใช้กราฟเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาดและการใช้ความน่าจะเป็นตลอดจนส่วนได้ส่วนเสียระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน นอกเหนือจากการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาแล้ว การวิเคราะห์นี้ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจถึงแนวโน้มของการเคลื่อนไหวในอนาคต รวมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยในการจัดการความเสี่ยง ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการตีความกระแสข่าวสารและข้อมูลใหม่ๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อการกำหนดราคาของตลาด เปรียบการวิเคราะห์นี้เป็นเสมือนเส้นทาง ผู้ซื้อขายด้วยปัจจัยพื้นฐานไม่เพียงคำนึงถึงการขยับตัวจาก A ไป B แล้ว แต่พวกเขายังต้องการเข้าใจถึงสิ่งที่เป็นสาเหตุให้เกิดการขยับตัวและปัจจัยที่ทำให้ขยับตัวไปยัง C อีกด้วย ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ในการซื้อขาย Forex การเข้าใจถึงปัจจัยขับเคลื่อนสกุลเงินที่แท้จริงถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้เรามองเห็นการตอบสนองของตัวแปรอิสระและสิ่งที่อาจเป็นนัยของสกุลเงินนั้นได้
ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าหนึ่งในสามของการส่งออกของออสเตรเลียมีการดำเนินการกับจีน ดังนั้นสกุลเงิน AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) จึงมีความอ่อนไหวสูงต่อข้อมูลประเทศจีน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางการเงินหรือการคลัง เป็นต้น ดังนั้นผู้ซื้อขายอาจซื้อ AUD หากพวกเขารู้สึกว่าธนาคารกลางจีน (PBoC) จะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจากมุมมองทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค กรุณาสมัครรับบริการ Daily Fix ของ Chris Weston หรือจดหมายข่าวรายสัปดาห์ที่ให้ข้อมูลครอบคลุมถึงการวิเคราะห์ตลาด งานกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบสูง และโอกาสการซื้อขายต่างๆ
หากคุณสนใจเฉพาะเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค ลองดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Autochartist ซึ่งเป็นเครื่องมือสแกนภาวะตลาดรายวันที่ผู้ซื้อขายที่ดีที่สุดของเราต่างเลือกใช้
หนึ่งในเหตุผลว่าทำไม MetaTrader จึงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมที่สุดในโลกก็คือ ความสามารถในการใช้ Expert Advisors หรือ EA
EA เป็นชุดคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งได้ตั้งโปรแกรมให้ดำเนินการซื้อขายในตลาดโดยอัตโนมัติ ตราบใดที่ EA เปิดใช้งาน ก็จะทำงานโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ วัตถุประสงค์ของ EA นั้นมีความหลากหลายอย่างมาก และจะแตกต่างกันตามความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ EA ได้รับความนิยมก็คือ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด EA ไปยังแพลตฟอร์ม MetaTrader ได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ในการเขียนโค้ดแต่อย่างใด
เราให้ลูกค้า MetaTrader ของเราสามารถเข้าใช้งานเครื่องมือ Smart Trader ต่างๆ ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือระดับผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง EA โดยเครื่องมือเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของคุณโดยตรง แม้ว่าเครื่อง Smart Trader ของเราอย่าง EA จะไม่ได้ทำการซื้อขายในนามของคุณ แต่เว็บไซต์อย่าง MQL5 มีคลังเครื่องมือขนาดใหญ่ให้เลือกใช้งาน ติดต่อเราเพื่อรับทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EA และวิธีการที่เครื่องมือนี้จะสามารถช่วยให้กลยุทธ์การซื้อขายของคุณเป็นไปโดยอัตโนมัติได้
พร้อมที่จะก้าวต่อไปสู่ความเชี่ยวชาญในการซื้อขายหรือไม่
เยี่ยมชมส่วนการศึกษาและสำรวจการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของเรา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดบนเส้นทางการซื้อขายของคุณ